Fic snsd : เลวยังไง....ก็รักเธอ - (Yuri) - - Fic snsd : เลวยังไง....ก็รักเธอ - (Yuri) - นิยาย Fic snsd : เลวยังไง....ก็รักเธอ - (Yuri) - : Dek-D.com - Writer

    Fic snsd : เลวยังไง....ก็รักเธอ - (Yuri) -

    เพียงชั่วข้ามคืน....ใครคนนั้นทำให้ฉันได้รู้จัก ความเจ็บ ความเกลียด ความกลัว และ..."ความรัก"---100%---จบภาคแรก!!

    ผู้เข้าชมรวม

    6,418

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    6.41K

    ความคิดเห็น


    75

    คนติดตาม


    19
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 มิ.ย. 54 / 21:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



    ฉันเชื่อว่าใครหลายคนคงคิดไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่นัก

    คิดว่าความรัก.....คือความหลงใหลของคนสองคน

    มันช่างไร้สาระ.....

    มองคนที่เคยปวดร้าวเพราะความรักทีไร

    ทั้งสงสารและทั้งสมเพช

    ทำไมพวกเขาถึงร้องไห้ได้โดยไม่อาย?

    ทำไมพวกเขาถึงฟูมฟายพร่ำเพ้อไม่รู้จักพอ?

    ทำไมพวกเขาถึงยังดื้อดึงไขว่คว้าความรักอย่างคนโง่เง่า?

    พอฉันถามเรื่องนี้ทีไร

    พวกเขาจะพูดเหมือนกันว่า

    'เธอไม่เข้าใจ'

    แล้วความรักที่แท้จริงแล้วมันเป็นยังไงล่ะ?

    คุณหาคำตอบที่น่าพอใจให้ฉันได้ไหม?

    คำตอบที่ได้รับมีเป็นร้อยเป็นพัน

    แต่ก็ไม่เคยเหมือนกันสักที

    ตกลงแล้วความหมายของมันคืออะไรกันแน่?

    ช่วยตอบฉันที......

    คำนิยามของมันคืออะไร?

    ทำให้ฉันเข้าใจได้ไหมล่ะ.......



    ....



    =======

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ทุกวันๆและทุกๆเช้า......ฉันจะตื่นขึ้นมาบนที่นอนนุ่มๆของตัวเอง....ลุกขึ้นมางัวเงียสักพักแล้วก็ลุกไปเปิดผ้าม่านออกเพื่อรับแสงแดดให้สาดส่องเข้ามาภายใน้องที่อึกครึ้ม หยิบผ้า
      เช็ดตัวแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไปตามปกติ พอทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ฉันก็นั่งรอแม่ทำกับข้าว หลังจากกินเสร็จ ก็ต้องหยิบกระเป๋าแบนๆไปเรียนในรั้วโรงเรียนอันแสนน่าเบื่อ.....
       
       
      หากเช้าวันนี้กลับผิดแผกไป จอง เจสิก้า กลับตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย......แต่คุ้นตา เหมือนคลับคล้ายครับคราว่าเห็นจากทีวีที่บ้านบ่อยๆ
       
      เตียง.....สีขาวสะอาดแต่ยับยู่ยี่
       
      ประมาณตรงกลางเตียงมีคราบบางอย่างที่แห้งกรังเปรอะเปื้อน
       
      ถ้าฉันทายไม่ผิด นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่หลงเหลือจากกิจกรรมเมื่อคืน.....กิจกรรมบางอย่างที่ฉันไม่เคยฝันถึง ไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสกับมันด้วยวัยเพียงเท่านี้
       
      โดยเฉพาะคนที่คอยปรนเปรอคือผู้หญิงสูงหน้าตาคมคนหนึ่ง.....
       
      “อ้าว.....เธอตื่นแล้วเหรอ”
       
      หญิงสาวที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงก้าวอกมาจากห้องน้ำซึ่งปิดสนิทมาได้สักพัก พลางเอ่ยเสียงเย็น
       
      ฉันมองกลับไปด้วท่าทีเฉยชาเช่นกัน
       
      เจสสิก้าไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าแทน โดยไม่กลัวเลยว่าเรือนร่างขาวเนียนจะเผยให้ใครเห็นบ้าง
       
      แต่ก็ไม่มีเรื่องอะไรให้อายแล้วนี่ ในเมื่ออะไรๆมากกว่านี้ก็เคยเห็นมาแล้ว.......
       
      แม้จะเป็นเพียงความไม่ได้ตั้งใจก็ตาม......
       
      "หยิ่งนักหรือไง พูดก็ไม่พูดด้วย ทีเมื่อคืนล่ะร้องเอาๆ หึ"
       
      เจสสิก้าหันมาจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ พลางขบกรามอย่างยับยั้งความโกรธ เพราะรู้ว่ายังไงซะคนที่เสียเปรียบก็เป็นเธออยู่ดี
       
      เวรกรรมอะไรกันนะถึงได้มาเจอคนแบบนี้ เฮงซวยจริงๆ.....
       
      ได้แต่คิดแค้นในใจอยู่คนเดียว แต่แทนที่ใครคนนี้จะหยุดพูด กลับพูดจาเสียดสีไม่เลิกราวกับแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
       
      "อ๋อ....คนผ่านมาเยอะล่ะสิ ก็เลยไม่สนใจใคร พอตื่นมาก็ช่างหัวเรื่องเมื่อคื่นหมด"
       
      เขาพูดพลางทำสีหน้าเหมือนจะขยะแขยง ไม่รู้จริงๆว่าจะขุดฟื้นเรื่องเมื่อคืนมาคุ้ยหาตะเข็บทำไม ในเมื่อต่างคนก็ต่างเมาไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันทั้งนั้น
       
      ให้ตายสิ......แม้จะเป็นครั้งแรก แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจดจำมันนักหรอก
       
       
       
       
      ย้อนกลับไปเมื่อราวๆสิบชั่วโมงก่อน ฉันจำเป็นต้องมาที่ผับด้วยเพราะแทยอนชวนออกมา เหตุผลคงไม่พ้นเรื่องที่แม่สาวตายิ้มหักอกมานั่นแหละ
       
      มาถึงแทยอนก็เอาแต่กระดกเหล้าไม่พูดไม่จา แต่พอเมาตาเยิ้มเท่านั้นแหละ ก็เริ่มระบายความทรมาณใจออกมา ฉันจึงได้แต่รับฟังอย่างเดียว ฟังแล้วก็ไม่ได้คิดตามอะไรหรอก ก็เออๆออๆให้เขารู้สึกว่าไม่ได้เป็นคนบ้าอยู่คนเดียวก็เท่านั้น
       
      ให้ตายสิ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าจะรักกันไปทำไมในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าสักวันก็ต้องเลิกกัน วันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ ทุกๆคนที่ฉันเห็นก็เป็นแบบนี้กันหมด เมาหัวราน้ำ ร้องไห้พร่ำเพ้อเป็นบ้าเป็นหลัง
       
      ฉันคิดอยู่เสมอว่าหากฉันเป็นพวกเขา ฉันคงไม่ทำตัวน่าสมเพชแบบนี้แน่ๆ
       
      "แท นี่เธอรักทิฟฟานี่มากขนาดนั้นเลยรึไง"
      "เอิ๊ก อืม.....ใช่ ฉันรัก ฉันรักฟานี่มากๆ แต่ทำไม....เธอถึงไม่เคยรักฉันเลย!! ฮือ....."
       
      พอสะกิดต่อมเข้าหน่อยก็เริ่มฟูมฟายอีกแล้ว ฉันถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย จะอะไรกันนักกันหนานะ ชักน่ารำคาญขึ้นมาแล้วสิ
       
      "กับอีแค่ผู้หญิงคนเดียว แกจะตายให้ได้เลยเหรอวะ"
       
      แทยอนมองหน้าฉันแล้วยิ้มบางๆคล้ายสติจะล่องลอยไปกับฤทธิ์แอลกอฮอลล์มากขึ้นทุกที
       
      "ตอนนี้....เธอไม่เข้าใจหรอกสิก้า ว่าความรัก....เป็นอะไรที่สำคัญมากกว่าที่เธอคิด.....หึหึ เดี๋ยวพอถึงเวลา....เธอก็จะเข้าใจ....เหมือนฉัน เอิ๊ก"
       
      อะไรของเขา นี่เมาแล้วพูดเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว ฉันไม่เข้าใจความรักตรงไหนกัน พูดบ้าอะไรเนี่ย?
       
      ฉันกะว่าจะถามต่อ แต่แทยอนดันฟุบหลับไปซะอย่างนั้น
       
      ......ความรัก.....คืออะไรล่ะ?
      ใครจะสามารถตอบฉันได้.....
       
      และอีกอย่างนึง อยากรู้นักว่าไอ้เหล้านี่มันช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ยังไง กินไปก็ตายผ่อนส่งเท่านั้น
       
      ฉันยกแก้วที่แทยอนดื่มไม่หมดขึ้นมาดู ชั่งใจอยู่นานจนดื่มลงไปด้วยความอยากรู้อยากลองจนได้ ผ่านไปสักพัก ไม่รู้ตัวเลยว่ากินหมดแก้วไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โลกมันหมุนๆคล้ายใครมาโยกมัน แต่อาการนี้ฉันรู้ดีว่าคงเมาแล้วแน่ๆ มองไปรอบๆก็แทบจับไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร เสียงอื้ออึงอยู่ในหูเริ่มทำให้ฉันรำคาญ ตอนนี้อยากนอนที่สุด นอนที่ไหนก็ได้  ขอแค่นอนได้ก็พอ
       
      โลกหมุนคว้างอีกครั้งก่อนที่ฉันจะปิดประสาทการรับรู้ของตนเอง.....
       
       
      แสงไฟที่แยงตาทำให้ฉันลืมตาแทบไม่ขึ้น หัวยังหนักอึ้งด้วยยังไม่สร่างเมา ฉันวาดมือสะเปะสะปะเพื่อสำรวจที่ๆตัวเองนอนอยู่
       
      เตียง.....
       
      ใครพาฉันมากันนะ? แทยอนงั้นเหรอ? ไม่น่าจะเป็นไปได้ รายนั้นก็เมาไม่รู้เรื่องอยู่นี่นา
       
      แล้วใครกันล่ะ?
       
      "ตื่นแล้วสินะ..."
       
      เสียงออกทุ้มๆแต่ยังพอฟังเป็นเสียงผู้หญิงดังขึ้น มืออุ่นวางจับข้อมือข้างนึงของฉันไว้ ถ้าเป็นเวลาปกติ ฉันอาจจะสามารถสะบัดหนี แต่ตอนนี้ไม่ใช่ แม้แต่แรงจะลืมตายังไม่มีเลย ฉันส่งเสียงอื้อในลำคอเพื่อจะบอกให้ใครคนนั้นปล่อย แต่ใครคนนั้นกลับจับข้อมืออีกข้างเอาไว้ รู้สึกได้ว่ามีบางคนคร่อมตัวอยู่
       
      "คืนนี้เธอไม่รอดแน่"
       
      เสียงนั้นเหมือนดังมาจากที่ไกลๆ สัมผัสที่ริมฝีปากทำให้ฉันเริ่มเรียบเรียงเรื่องราวได้ แม้จะมีสติบ้างแล้ว แต่ร่างก็ไม่อาจขัดขืนการล่วงล้ำนั้นได้เลย ฉันได้แต่ดิ้นคลุกคลักเบาๆ แทบไม่ได้เรียกว่าออกแรงเลยด้วยซ้ำ
       
      ความร้อนรุ่มทวีเพิ่มขึ้นในร่างกายฉันเรื่อยๆ ยิ่งได้รับ ยิ่งต้องการมากขึ้น มากขึ้น..... นับจากวินาทีที่ใครคนนั้นเริ่มปลดบรา ฉันก็ไม่รู้ตัวอีกเลย......







      “จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา เธอจะมารับผิดชอบฉันรึไง?”
       
      เจสสิก้าถามหยั่งเชิงขึ้นมาเผื่อว่าคนๆนี้จะยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง แต่คำตอบที่ได้รับก็ทำให้เธอของขึ้นไม่น้อย
       
      “ห๊ะ? ฉันว่าฉันต้องฟังผิดไปแน่ๆ เรื่องอะไรฉันต้องรับล่ะ เธอไม่ได้มีค่าอะไรกับฉันสักหน่อย”
       
      “ก็นั่นน่ะสิ......ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยแยกย้ายทางใครทางมัน ไม่ต้องทักไม่ต้องมายุ่งเกี่ยว เรื่องคืนนี้ก็ถือว่าฉันซวยไปก็แล้วกัน ”
      “ของมันแน่อยู่แล้ว...ว่าแต่เธอเหอะ คงจะไม่ติดใจรสชาติเมื่อคืนหรอกใช่มั๊ย? หึ อยากเมื่อไหร่ก็พร้อมให้บริการนะ ฮ่าๆ”
       
      “ขอให้เราอย่าได้เจอกันอีกเลย ไอ้หน้าลิงเอ๊ย!!”
       
      พูดจบร่างบางก็ก้าวฉับๆปิดประตูปึงปังออกไปด้วยความโมโห
      คนอะไร.....ปากอย่างกับเลี้ยงหมาไว้ทั้งคอก!!
      พอเดินออกมาแล้วเธอก็หันไปมองหน้าโรงแรมแห่งความซวย พลางสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันมาเหยียบที่นี่อีก!
      ไม่มีวัน!!
       
      แต่ก่อนอื่น.....ต้องรีบเรียกแทยอนมาคุยให้เร็วที่สุด....ความผิดครั้งนี้อยู่ที่แกแท้ๆเลยไอ้คุณคิมแท ถ้าฉันไม่มาที่นี่เพราะแกเรียกมาละก็ ฉันคงไม่เสียความบริสุทธิ์แบบนี้เด็ดขาด!!
       
       
       
       
       
      “เอ่อ.....สิก้าเรียกฉันมามีไรหรอ.....”
       
      แทยอนพูดเสียงอ่อย เพราะอยู่ๆก็ถูกเจสสิก้าเรียกมาด่วน ดูจากท่าทางแล้วเจสสิก้าน่าจะไปกินรังแตนมาชัวร์ หน้างี้หงิกอย่างกับคนประจำเดือนไม่มา
       ให้ตายเหอะวันนี้ฉันจะมีชีวิตรอดกลับบ้านไหมเนี่ย?
       
      “......เมื่อคืน.......รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
       
      เจสสิก้าเริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือก ทำให้แทยอนต้องตัวหดเล็กลงเหลือสงเซนต์อย่างช่วยไม่ได้
      แม่เจ้า!! ยัยสิก้าน่ากลัวอิ๊บอ๋ายเลยอ่ะ
       
      “เอ่อ.....”
       
      แทยอนอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิท
      เมื่อคืนเขาก็เมาหัวราน้ำ ขับรถกลับบ้านก็เกือบตายเอากลางถนน จะเอาสิตสตางค์ที่ไหนไปตรัสรู้ล่ะจ๊ะแม่คุณ
       
      เจสสิก้าจ้องแทยอนตาเขียว ตอบไม่ได้? งั้นก็อย่าอยู่เลยดีกว่า!
       
      “แก....ไอ้แท เพราะแกคนเดียว!! เพราะแกฉันถึงได้เจออะไรแบบนี้!! ถ้าไม่มีแกสักคน ฉันคงอยู่อย่างสงบสุข ตายซะเถอะ!!!”
       
      เจสสิก้าพุ่งข้ามโต๊ะอาหารไปบีบคอคนตัวเล็กด้วยแรงอาฆาต
      เพราะแก!!! เพราะแกคนเดียววววววววววววววว!!
       
      “ย๊ากกกกกกกกกกก”
      เธอบีบคอแทยอนและเขย่าขึ้นลงๆ จนเขาคิดถ้าปล่อยไปแบบนี้เขาอาจจะตายจริงๆก็ได้
       
      “ปล่อย~ อ๊อก.....แอ๊กๆๆ อย่า.....พอ....เดี๋ยว!!!!!!!”
       
      ในที่สุดเขาก็สามารถแกะมือกาวของร่างบางได้สำเร็จ
      เกือบตาย!!
       
      “เป็นบ้าอะไรของแกห๊ะสิก้า? นี่แกจะฆ่าฉันจริงๆอ่ะ? นี่แกกล้าฆ่าคนน่ารักแบบนี้ได้จริงๆเหรอวะ?”
      “ปากแบบนี้.......ตายจริงๆเลยดีกว่า!!~”
      “แอ๊กๆๆๆๆ ปล่อย!! แฮ่กๆๆ ฉันไปทำอะไรแกวะถึงได้โดนแกบีบคอซะขนาด ช่วยตอบก่อนจะปลิดชีข้าพเจ้าด้วยเหอะ งงว้อยยยยยย”
       
      แทยอนลูบคอที่เพิ่งโดนประทุษร้ายปรอยๆ
      อะไรชองมันวะคะ?
       
      เจสสิก้ากระเถิบกลับมานั่งที่เดิมของตัวเอง มองไปรอบๆก็พบว่าเธอกลายเป็นจุดสนใจไปเสียแล้ว
      แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่ากับการได้ระบายอารมณ์หรอก
       
      “ฮึ่ย....พูดแล้วอยากถ่วงแกลงแม่น้ำจริงๆเลยเชียว ก็เมื่อวานแกชวนฉันไปผับนั่นใช่มั๊ย?”
      “เออ”
      “แล้วแกก็เมาใช่ป่ะ”
      “อ่าห๊ะ”
      “แล้วทีนี้แกก็หลับ”
      “อือ”
      “หลังจากนั้นฉันก็กินเหล้าตามแก”
      “แล้วไงต่อ”
      “หึ....แล้วหลังจากนั้นฉันก็โดนไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้อุ้มไปโรงแรมน่ะสิ!!”
      “เฮ้ย!! จริงอ่ะ นี่แกเสียเวอร์จิ้นไปแล้วเหรอ!!”
       
       เพี๊ยะ!
       
      “แล้วจะเสียงดังทำปะอะไรวะ คนเขาได้ยินกันหมดแล้วนะเว้ย”
       
      แทยอนลูบหัวที่เพิ่งโดนตบเหม่งสดๆร้อนด้วยความเจ็บปวด
      บ้าเอ๊ย! วันนี้ฉันโดนทำร้ายร่างกายบ่อยเกินไปแล้วนะเฮ้ย!
       
      “เออๆ แกเป็นไงบ้างวะ รู้หรือเปล่าคนๆนั้นเป็นใคร”
      “ไม่รู้”
      “อ้าว แล้วไม่ถาม”
      “เหอะ ถ้าแกเป็นฉันแล้วแกจะรู้ว่าทำไม!”
       
      คนปากหมาๆแบบนั้นฉันไม่อยากจำไว้ให้รกเม็มโมรี่สมองหรอก เปลืองโคตรๆ
       
      “โธ่ว้อยยยยยยยย ยิ่งคิดถึงหน้าลิงๆนั่นทีไร ฉันอยากจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ สับๆ โขลกๆ แล้วก็บดให้มันละเอียดก่อนจะเอาไปโยนให้ปลาในบ้านกิน!! เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจ อยากจะถลกหนังหัวเอาไปเผาทิ้ง แล้วก็แช่งๆๆๆ แช่งให้มันไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไม่พบไม่ได้เจอไม่ได้คุยไม่ได้ทักไม่ได้เหยียบในพื้นดินเดียวกันในระยะร้อยเมตร สาธุ!”
       
      เจสสิก้าพูดไฟแลบให้แทยอนมองตาค้างเกิดอาการมึนงง....
      ......ก็ปกติเพื่อนคนนี้พูดมากซะที่ไหนกันล่ะ วันๆพูดนับคำได้
      แต่นี่อะไร? พูดเป็นมังกรพ่นไฟ
       
      อยากรู้นักว่าใครกันที่สามารถมาจุดต่อมระเบิดของเจ้าหญิงน้ำแข็งได้แบบนี้.....คนๆนั้นคงน่าสนใจมากเลยทีเดียว
       
      (คิดผิดแล้วล่ะแทแท - ไรเตอร์)
       
      “เอ่อ......ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่านะ แหะ”
       
      เอาง่ายๆคือชิ่งนั่นเอง.....
       
      “เดี๋ยว!”
       
      แทยอนผงะและหันกลับมามองเจสสิก้าด้วยแววตาหวาดหวั่น.......
       
      “รายงานของเทอมนี้......แกต้องทำให้ฉันซะแทยอน! ไม่งั้น.....ตาย!!!”
       
       
       
       
       
      หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น เจสสิก้าก็ทำตัวตามปกติราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ส่วนแทยอนเธอก็เชื่อว่าความลับต้องเป็นความลับแน่นอน ยังไงเขาก็คงไม่ปากโป้งอยู่แล้วล่ะ.....
      และคนๆนั้น......เธอไม่เจอเขาเลย ถึงยังไงก็ไม่อยากจะเจอด้วยอยู่ดี
       
      ร่างบางเดินลัดเลาะไปตามทางเปลี่ยวประจำ บางคนก็บอกว่ามันอันตราย แต่เธอว่าเงียบๆแบบนี้น่ะดีแล้ว เพราะเธอไม่ชอบอะไรที่อึกทึกเกินไป
      หากมีเสียงบางอย่างเล็ดลอดออกมาจากซอยแคบด้านขวามือ......
       
      “อือ.....”
       
      เจสสิก้ายกมือปิดปากด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆก็ได้เจอเรื่องบัดสีตั้งแต่เช้าตรู่
      คนอะไร โจ่งแจ้งไม่อายฟ้าดิน
      ร่างสูงผมรวบหางม้ากับหญิงสาวอีกคนหนึ่งซึ่งเธอเห็นลักษณะไม่ชัดเจนนักกำลังพลอดรักกันโดยไม่กลัวเลยว่าใครจะผ่านมาเห็นบ้าง
       
      แกร๊ก.....
       
      ตายล่ะหว่า.....
      ขณะที่เจสสิก้ากะว่าจะออกไปเงียบๆนั้น เท้าของร่างบางก็ไปเตะโดนหินก้อนหนึ่งจนเกิดเสียงก๊อกแก๊ก(ตามฉบับละครน้ำเน่าเป๊ะ)
      ทั้งสองผละออกจากกันและหันมามองเจสสิก้าเป็นตาเดียว......
       
      “ใครน่ะ!!!”
       
       
       
       
      “......”
       
      ฉันได้แต่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก
       
      หน้าลิงๆแบบนี้.......มีคนเดียวเท่านั้น!!!
       
      “เธอ.......”
       
      ร่างสูงมองเจสสิก้าตาเบิกกว้าง แต่เพียงชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเหยียด แน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เห็นความร้ายกาจนี้
       
      “ยูลรู้จักด้วยเหรอ”
       
      ผู้หญิงหน้าตาน่ารักถามพลางมองมาทางเธออย่างไม่ไว้วางใจ
       
      หึ.....คนที่ควรจะต้องระวังยืนอยู่ข้างๆเธอต่างหากล่ะ
       
      “ก็......นิดหน่อย แค่คนเคยรู้จักน่ะซึงยอน......รู้จักดีซะด้วยสิ”
       
      เขาหันไปพูดกับคนที่เขาเรียกซึงยอนด้วยน้ำเสียงอ้อนเล็กๆ......แต่คำสุดท้ายนั้นเขาหันมามองที่ฉันและพูดเสียงเบาพอให้อ่านปากได้
       
      “ใช่......เราสองคนเคยรู้จักกัน ขอโทษทีนะที่มารบกวนเวลาแห่งความสุข ไปล่ะ”
       
      เจสสิก้าพูดรัวๆราวกับไม่สนใจอะไรนัก ขาสองข้างก้าวยาวๆเพื่อให้ออกจากที่ตรงนั้นได้เร็วที่สุด
       
      หากมือที่ถือกระเป๋านั้นกลับกำแน่น.......
       
       
       
      “จอง เจสสิก้า.....น่าสนใจจริงๆ”
       
       
       
       
       
      “อ้าว สิก้า ไหงหน้าบูดมาเงี้ย”
      “ไม่มีอะไร”
       
      เจสสิก้าพูดกดเสียงให้นิ่งที่สุด แต่แววตานั้นไม่ได้เป็นไปตามที่พูดเลยสักนิด
       
      เวรกรรมอะไรของแทยอนกันนะ เจอเธอทีไรต้องเจอตอนอารมณ์ไม่ดีทุกทีเลย ให้ตายสิ
       
      “ว่าแต่แกเหอะ ไม่เสียใจเรื่องฟานี่แล้วรึไง”
      “มีอะไรต้องเสียใจล่ะ ก็ในเมื่อตอนนี้ฉันกับฟานี่เป็นกันเรียบร้อยแล้ว”
      “ห๊ะ! พูดจริงเหรอ?”
      “อือ”
       
      แทยอนนะแทยอน......แกมีความสุข แต่ฉันต้องทนเห็นไอ้หน้าลิงนั่น ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
       
      แต่ก็ไม่รู้จะโกรธใคร เพราะเธอเอก็ผิดครึ่งนึงอยู่ดี
       
      “แล้ว...”
       
      แทยอนมองฉันอย่างชั่งใจว่าจะพูดดีไหม
       
      “แกไม่เป็นอะไรแน่นะ”
      “เรื่องอะไร”
      “ก็เรื่องนั้นไง ขอโทษทีนะเว้ย”
      “ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย”
       
      เธอพูดเสียงเย็น ความรู้สึกในใจกับที่พูดออกไปช่างกันโดยสิ้นเชิง....
       
       
      เพราะเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ยังสร้างความเจ็บปวดกับใจเธอได้เลยนี่นา.......
       
       
       
       
      “พี่สิก้า วันนี้ไปดูหนังกาน~”
       
      เด็กน้อยแต่ตัวโตนามว่า อิม ยุนอา พูดเสียงยานให้เจสสิก้าหัวเราะขบขันเบาๆ
       
      “ฮ่าๆ ยังเหมือเด็กไม่เปลี่ยนเลยนะยุน”
      “อ่ะโด่ เค้าเป็นเด็กเฉพาะกับพี่สิก้าต่างหากล่ะ”
       
      ยุนอาเบ้ปากเล็กๆ นั้นยิ่งทำให้เธอตลกมากกว่าเดิกอีก
       
      “ฮ่าๆๆๆ ยุนนี่ตลกจังเลยนะ ทำพี่ฮาได้ทุกทีเลย”
       
      อย่างน้อยชีวิตฉันก็ไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ๆล่ะนะ.......
      ยุนอายิ้มบางเบา
       
      “ก็ช่างนี้เห็นพี่เครียดๆนี่ ยุนก็แค่อยากให้พี่อารมณ์ดีเข้าไว้อ่ะ”
      “.....ขอบคุณนะยุน เธอเป็นรุ่นน้องที่รักมากที่สุดเลยนะ”
       
       
      “ค่ะ.......ยุนก็รักพี่สิก้าเหมือนกัน รักมากที่สุดเลย.......”
       
      มากเสียจนเขาไม่อาจยกให้ใครได้อีก........
       
       
       
       
      ช่วงเย็นของวันนั้น เธอกับยุนอาก็ไปดูหนังตามที่คุยกันไว้ อันที่จริงเธอไม่อยากมาหรอก แต่ยุนอานี่สิ รบเร้าจะมาๆให้ได้ เธอเลยจำต้องมากับเขา
       
      “เรื่องนั้นดีไหมพี่สิก้า”
       
      ร่างสูงโปร่งชี้ไปที่โปสเตอร์หนังรักหวานแหววเรื่องหนึ่ง
      ......ท่าทางจะเลี่ยนน่าดู
      เจสสิก้าคิดในใจเงียบ ๆ เธอไม่ชอบหนังรักอะไรเทือกนี้เลย ดูแล้วไม่เห็นจะมีอะไรสักนิด ก็แค่นางเอกกับพระเอกเริ่มรักกันแล้วตอนสุดท้ายก็แฮปปี้ดี๊ดา สู้เอาเวลาไปดูหนังสยองขวัญยังประเทืองปัญญามากกว่าอีก
      แต่ก็นะ ในเมื่อยุนอาอยากดูก็ช่างมันเถอะ
       
      “เดี๋ยวยุนซื้อตั๋วแป๊ปนะ”
       
      ยุนอาเดินหายเข้าไปในหมู่ฝูงคนที่แย่งกันต่อคิวซิ้อตั๋วอย่างกับชาตินี้จะไม่มีวันได้ดูอีกยังไงยังงั้น
      ........แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนน่ะ เป็นอะไรที่เห็นแก่ตัวมากขนาดไหน
      เจสสิก้ายืนพิงเสาด้วยท่าทางสบายๆ กวาดตามองไปรอบๆ เพื่อดูว่ายุนอาซื้อตั๋วเสร็จหรือยัง แต่เพราะอะไรไม่รู้เธอถึงได้เห็นใครคนนึงที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุดในที่แบบนี้.......
      ไอ้เลวนั่น.....อีกแล้ว
      และคนที่น่าจะชื่อว่าซึงยอนอะไรนั่นก็ตามมาด้วย
       
      “พี่ยูลคะ ดูเรื่องอะไรดีอ่ะ”
       
      ‘ยูล’ งั้นเหรอ.....ชื่อยูลสินะ ไม่ใช่อยากแอบฟังอะไรหรอก แต่สองคนนั้นพูดดังเกินไปต่างหาก
       
      “จะดูเรื่องอะไรก็ตามใจซึงยอนเลยค่ะ พี่ดูได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว”
       
      ประจบ.....คำเดียวเลยที่เจสสิก้าคิดได้ในตอนนี้ หึ แสดงละครเก่งเหลือเกิน คำพูดคำจาต่างกันราวฟ้ากับเหว ทีเธอล่ะเจอกันแต่ละทีแทบจะด่าพ่อล้อแม่กันให้ได้ แต่พออยู่กับแฟนก็ทำแมนเกินหน้าเกิน คนอะไร ไร้ความซื่อสัตย์จริงๆ
      น่าหมั่นไส้!!
       
      ชั่วเสี้ยววินาทีเหมือนเขาจะหันมาทางเธอ.....แต่เขาก็มองผ่านไป
      ยอมรับว่ากลัวเหลือเกินกับการเผชิญหน้า กลัวว่าเรื่องในวันนั้นจะย้อนมาทำร้ายเธอซ้ำๆ....
       
      ไม่เป็นตัวเองเลยให้ตายสิ........
       
      “พี่สิก้า ยุนมาแล้ว”
       
      ยุนอาเดินมาทางเธอพลางยิ้มกว้าง แต่ตอนนี้อารมณที่จะดูหนังหดหายไปกว่าครึ่ง
       
      “ยุน เดี๋ยวพี่มานะ ไปห้องน้ำแป๊ป”
       
      ไม่ทันให้ร่างสูงพูดอะไร เจสสิก้าก็รีบเดินก้มหน้าก้มตาเข้าห้องน้ำไป
       
      “เป็นอะไรของเค้านะ”
       
      ยุนอาบ่นพึมพำเบาๆ
       
       
       
      ไม่....ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น
       
      เจสสิก้ามองคนที่อยู่ในกระจกอย่างระอาใจ.....
       
      ......ใช่ เธอกำลังสมเพชตัวเอง
       
      ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ....เขาทำร้ายเธอสารพัด แต่พอเห็นหน้าทีไรใจยิ่งเต้นรัว และยิ่งเห็นใครที่ยืนข้างๆนั่น......
      เธอยิ่งคิดอิจฉาเธอคนนั้น.....
      อยากตะโกนออกไปดังๆว่า....นั่นมันคนของฉัน!!!
      หากมันเท่ากับเธอยอบรับสถานะภาพของตัวเอง ยอมรับว่าเราเป็นอะไรกัน.....
       
      กระจก......ส่องสะท้อนให้เห็นสิ่งที่เราเป็น
      สะท้อนความเป็นจริงที่เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงมันได้
       
      กลับมาเป็นตัวเองสักที.......
      กลับมาเป็นจอง เจสสิก้าที่เย่อหยิ่งราวกับนางพญา……
      สง่างาม.....ราวกับเจ้าหญิง
      เย็นชา......ดุจน้ำแข็ง
      และไร้ความรู้สึก......ดั่งคนไม่มีหัวใจ......
       
       
      “บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะ....เจสสิก้า.....”
       




       

       

       

      ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

       

       

      ไม่รู้ว่าเพราะตกใจหรือเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้หัวใจเธอเต้นโครมครามได้ขนาดนี้

      ยูริยิ้มบางๆ

       

      ยิ้ม......ยิ้มประหลาดเท่าที่เธอเคยได้เห็นจากคนตรงหน้า

       

      มันช่างดูจริงใจ.....แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ?

      เขาสาวเท้าเข้ามาเอามือเท้าอ่างล้างมือไว้ด้วยท่าทางสบายๆ ต่างกับเธอที่เกร็งจนแทบจะเรียกรูปปั้นเลยก็เป็นได้

       

      เจอกันสองครั้งในวันเดียว

       

      ยิ้ม! ยิ้มอีกแล้ว! ได้โปรดอย่าทำเหมือนลืมเรื่องวันนั้น อย่าทำให้ฉันลืมว่าเธอเคยทำอะไรไว้บ้าง

       

      แล้วยังไง

       

      เจสสิก้ารู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัยยังไงชอบกล ห้องน้ำที่ร้างผู้คนผิดปกติ ไม่มีใครเข้าออกมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

      .......แล้วอยู่กับไอ้บ้านี่สองคนเนี่ยนะ?

       

      เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าเราสองคนอาจจะเป็นเนื้อคู่กันน่ะ

      ตลกน่ะ

      เขาไม่สนใจที่เธอพูด

      เธอชื่อเจสสิก้า ส่วนฉันชื่อควอน ยูริ

      ใครถามไม่ทราบ

       

      ไอ้ลิงนี่มันรู้จักชื่อฉันได้ยังไงกัน .....

      เขายังคงพร่ำต่อ

       

      อืม......รวมกันแล้วก็เป็นยูลสิก.......โอโหเห๊ะ เหมาะเหม็งสุดๆ สงสัยชะตาเราจะต้องกัน ฮ่าๆ

       

      หยุดพูดได้แล้ว!! ไร้สาระ!!”

       

      เธอโพล่งออกไปอย่างเหลืออด โดยไม่คาดคิดว่าคำพูดนั้นจะย้อนมาทำร้ายตัวเอง

      .......ผิดมหันต์แล้วล่ะเจสสิก้า......

       

      แววตาของยูริดูแข็งกร้าวขึ้นมาทันที ร่างสูงย่างเข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็ว เจสสิก้าอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด เว้นเสียว่าจะไม่มีมือบางคอยกดไหล่เล็กๆของเธอเอาไว้กับผนังแน่น

       

      ปล่อย!!”

       

      พยายามดิ้นสุดชีวิต แต่ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันมากโขทำให้เธอได้จำยอมอยู่นิ่งๆแทน

       

      ท่าทางเธอจะจำไม่ได้นะว่าฉันสามรถทำอะไรเธอได้บ้าง.....

       

      ยูริพูดเสียงเย็น

       

      อย่านะยูริ......เราเป็นผู้หญิงกันทั้งคู่นะ

      แล้วไงล่ะ ในเมื่อฉันอยากทำฉันก็ทำ.....ฉันไม่สนหรอกว่าใครจะว่าอะไรบ้าง

       

      ร่างสูงพูดเสียงแข็ง

      เจสสิก้ารู้สึกได้ว่าตัวเธอสั่นน้อยๆไปด้วยความหวาดกลัว…..หากคำพูดต่อไปกลับลบความรู้สึกนั้นออกไปอย่างน่าใจหาย….

       

       

      ฉันสนใจเธอ....และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมา.....เจสสิก้า

       

       

       

       

      ฉันเดินรอบๆชั้นที่เป็นโรงหนังจนทั่ว แต่ไม่พบพี่สิก้าตามที่หวังไว้......ลองไปดูว่าพี่อยู่ในโรงแล้วหรือเปล่า.......แต่ก็ไม่เจอ ทั้งที่หนังเริ่มฉายแล้วแท้ๆ พี่สิก้ายังไม่กลับมาอีก.......

      ห้องน้ำ......ใช่ ไปดูที่ห้องน้ำดีกว่า พี่อาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้

       

      ยุนอากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางห้องน้ำ ในใจคิดเพียงอย่างเดียว........เป็นห่วงเหลือเกิน......

      ภายนอกฉันอาจจะดูเป็นเด็กน้อยที่คอยออดอ้อนพี่ ……แต่พี่รู้ไหมว่าหัวใจและความรู้สึกของรุ่นน้องคนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว.....รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงพี่จนแทบคลั่งตาย

      สองเท้าชะงักกึกเมื่อมองเห็นป้ายที่ตั้งไว้ว่า

       

      ห้ามผ่าน อยู่ระหว่างการซ่อมแซม

       

      อะไรกัน......

       

      ยุนอาบ่นกับตัวเองเบาๆ เธอเตรียมจะเดินออกไปจากตรงนั้น หากเสียงบางอย่างตรึงขาเธอให้หยุดอยู่กับที่……..

       

       

      อือ......

       

       

       

       

      พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะต่อต้าน.....แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดที่ไม่อาจทำได้ง่ายๆเลย.....

       

      อย่า.......

       

      เสียงนั้นดังออกมาจากปากของเธอเอง หากเหมือนมันลอยมาจากที่ไกลแสนไกล ความคิดตริตรองถูกดึงออกไปจากโสตประสาทของเธอ นาทีนี้จึงได้แต่ปล่อยตัวเองให้ทำผิดซ้ำอีกครั้ง.....

       

       

      ร่างสูงประทับริมฝีปากบนหน้าผากเบาๆ ปลายจมูกไล้ลงมาจรดระดับเดียวริมฝีปากอิ่ม.....

       

      ทั้งๆที่เหมือนก่อนเขาเป็นฝ่ายทิ้ง แต่ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายตามเสียเอง.....ใช่ วันนี้ไม่ใช่เรื่องบัญเอิญที่เขาเจอเจสสิก้า เขาคอยตาม คอยถามคนรอบข้างว่าเธอไปไหนและทำอะไร.....นับตั้งแต่วันที่เขาพาเธอไปโรงแรม  ทุกๆครั้งที่ไม่มีอะไรจะคิด ภาพของเจสสิก้าก็เลยเข้ามาวนเวียนจนเขาเริ่มกลัวและคิดมาก

       

      สารภาพเลยว่าเกิดมาไม่เคยคิดถึงใครเลยสักคน ทุกๆคนผ่านมาแล้วผ่านไปเหมือนกันหมด

      แต่เจสสิก้ากลับแตกต่างออกไป....แม้ใครจะสวยหยาดฟ้าขนาดไหน ก็ไม่เคยจะนึกถึงเลยสักครั้ง.....

       

      กลายเป็นว่าเขาเริ่มจัดการกับอารมณ์ไม่ถูก เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวโมโหเมื่อนึกถึงใบหน้าอันเย็นชาของเธอ บางทีก็เดินไปรอบๆโรงเรียนเผื่อว่าจะเจอเธอบ้าง จนกระทั่งเมื่อเช้า....เขาเจอร่างบางเดินเอื่อยๆ พร้อมกับวันนี้เขาควงซึงยอนมาด้วย จึงจัดการเล่นหนังสดให้ดูเผื่อว่าจะรู้สึกอะไรบ้าง แม้จะไม่แน่ใจนัก…..

      แต่เขาก็คิดว่าเจสสิก้าหวงเขาไม่มากก็น้อยนั่นแหละ.....

       

      หากสิ่งที่ติดอยู่ในใจนั้น.....เป็นอะไรที่เขาคิดไม่ออกจริงๆ

       

      ทำไมฉันถึงต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ?

       

       

      ไร้สาระน่า....

       

       

      ร่างสูงชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะกดแนบริมฝีปากกับร่างบางโดยตัดความคิดนั้นออกไปเสีย ทันทีที่สัมผัสกัน ยูริแทบจะลงไปกองกับพื้นเสียเอง ความรู้สึกที่แตกต่างทำให้เขาหักห้ามใจได้ยากเย็นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ไม่อาจรู้ตัวได้เลยว่ามือไม้จะเอาไปวางไว้ที่ไหนเหมือนเด็กหัดริลองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…..

       

      มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ....ตั้งสติไว้ควอนยูริ!!

       

      ทั้งสองผลัดกันส่งความหวานให้กันและกันเนิ่นนาน  รู้สึกได้ถึงแรงจิกบนหัวไหล่ของเขา แต่ร่างสูงก็ไม่สนใจ ยังกวาดไล่ต้อนจนเจสสิก้าแทบละลายเสียตรงนั้น

       

      อือ…..”

       

       

      พี่สิก้า.....

       

      เจสสิก้าผลักยูริออกด้วยความตกใจบวกกับสติสตางค์เริ่มเข้าที่เข้าทาง

       

      ยุน

      นี่มันอะไรกันน่ะพี่สิก้า

      คือ......พี่

       

      เจสสิก้าพยายามจะแก้ตัว แต่ยูริกลับพูดสวนขึ้นมาแทน

       

      มีอะไรเด็กน้อย ไม่เห็นหรือไงว่าคนเขามีความสุขกันอยู่ ก่อนเข้าหัดดูป้ายบ้างนะ.... อ่านหนังสือไม่ออกรึไง

       

      ยูริพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนโทสะ ยุนอากำหมัดแน่นพูดเสียงกระแทกกระทั้น

       

      อ่านออก แต่ไม่คิดว่าจะเข้ามาแล้วจะเจอใครทำอะไรชั่วๆแบบนี้ว่ะ

      ชั่ว? ตรงไหนไม่ทราบ เราเต็มใจกันทั้งสองฝ่ายต่างหากล่ะเด็กน้อย ไม่เชื่อถามเธอดูสิ จริงไหมเจสสิก้า

      ฉันไม่เชื่อ!!”

      อย่าทำตัวเหมือนคนไม่มีสมองได้มั๊ย ก็เห็นๆอยู่  หรือว่ากินหญ้าเป็นอาหารรึไงถึงดูไม่ออกน่ะห๊ะ!!”

       

      แก!!”

       

       

      พลั่ก!!

       

       

       

       

       

      ฮัลโหล อ่าห๊ะ ว่าไงน้องซอ

       

      ยุนอาหยุดเล่นกีตาร์หันมารับโทรศัพท์จากซอ จูฮยอนน้องข้างบ้านอย่างนึกสงสัย

      บ้านก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ จะโทรมาทำไมกันนะ?

       

      (พี่ยุน!! มาบ้านซอที พี่ของซอเป็นลม ช่วยทีพี่)

      หา! เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ

       

      ฉันรีบกดวางสายแล้วพุ่งตัวออกจากบ้านด้วยความรวดเร็ว วื่งมาหน้าบ้านก็เจอซอฮยอนรออยู่ก่อนแล้ว

       

      ทางนี้ค่ะพี่

       

      ฉันวิ่งตามเธอไปจนถึงห้องนั่งเล่นซึ่งมีร่างบอบบางร่างหนึ่งนอนหน้าซีดอยู่บนพิ้น  ฉันรีบช้อนเธอคนนี้ขึ้นมาวางบนโซฟาแทนพื้นแข็งๆ

       

      ทำไมพี่เขาเป็นลมล่ะซอ

       

      ฉันหันไปถามน้องสาวตากลมด้วยความตื่นตระหนก เธอส่ายหน้า

       

      ไม่รู้ค่ะ ซอเผลอแป๊ปเดี๋ยวพี่ก็เป็นลมแล้ว

      มียาดมไหม

       

      ร่างสูงกุลีกุจอค้นลิ้นชักใส่ของ ควานหาได้สักพักนึง เธอก็ร้องออกมาอย่างดีใจ

       

      นี่ค่ะ

       

      ฉันรับมาและเริ่มปฐมพยาบาลอย่างที่เคยเห็นในละครด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ มือหนึ่งปลดกระดุมเม็ดแรกที่รัดแน่นจนคนมองอึดอัดแทน ส่วนอีกมือนึงคอยจ่อแกว่งยาดมให้คนเป็นลมไปมา กระดุมเม็ดที่สองทำเอาคนมองหัวใจกระตุก...

      จะมาหื่นอะไรตอนนี้วะยุนอา!

       

       

       

       

      สักพักเปลือกตาที่เคยปิดสนิทก็กระพริบเบาๆ ยุนอายิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ

       

      ....เธอ....เป็นใคร

       

      คนตรงหน้าถามด้วยหน้าง่วงๆ

       

      คนอะไร ทำหน้ามึนยังน่ารัก!!

       

      เอ่อ....ฉันชื่ออิม ยุนอา

      พี่สิก้า! ฟื้นแล้วเหรอ

      อ้าว ซอ....พี่เป็นอะไรไปเหรอ

      พี่สิก้าเป็นลมน่ะค่ะ ซอก็เลยให้พี่ยุนมาช่วย

       

      เธอหันมาทางฉันพลางยิ้มบางๆหากกลับแฝงไปด้วยเสน่ห์อย่างน่าประหลาด….

       

      ขอบคุณนะ....ยุน

      ไม่เป็นไรค่ะ......พี่สิก้า

       

       

      หลังจากการพบกันครั้งนั้น ยุนอาก็คอยหาโอกาสเข้าไปใกล้ชิดเจสสิก้าทุกครั้งที่มีอากาส จนนานวันเขายุนอาก็เริ่มรู้ตัวความรู้สึกที่มีให้กับพี่ของซอฮยอนนั้นคืออะไร

       

      ใจเต้นเวลาที่ใกล้ชิด….

      เป็นห่วงเวลาห่างไกล….

      แทบคลั่งตายเมื่อได้รู้ว่าไม่สบายหรือบาดเจ็บ....

      คิดถึงทุกนาทีทุกวัน และยังคงเป็นแบบนั้นจนถึงวันนี้.....

       

      ความรู้สึกที่ได้รักใครสักคน.....

       

       

      ความรู้สึกที่เธอไม่เคยรู้เลยว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายเธอย่างเลือดเย็น......

       

       

       

       

       

      พลั่ก!!

       

      ยูริเสยเข้าใต้คางของยุนอาเต็มแรงจนคนยืนอย่างเจสสิก้าดูอดหวาดผวาไม่ได้ แววตาทั้งคู่ฝังความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นบทร้อยกรอง

       

      แววตาแข็งกร้าว.....แต่นุ่มลึก

       

      แววตาใสซื่อ.....แต่แฝงไปด้วยความลับ

       

      เธอยืนมึนงงตัวสั่นไปด้วยความสับสนทำอะไรไม่ถูก รู้แต่ว่ายุนอาโดนต่อยไปแล้วสี่ครั้ง แต่ยูรินั้นแทบไม่มีรอยขีดข่วน และก่อนที่เขาจะได้ออกหมัดครั้งที่ห้านั้น เจสสิก้าก็รีบเข้าไปดึงมือไว้เสียก่อน

       

      พอได้แล้ว!! เดี๋ยวยุนก็ตายพอดีหรอก

      เขาหันขวับมามองด้วยสายตาตัดเพ้อ

      เป็นห่วงมันนักรึไง! ไอ้ลูกคุณหนูแบบนี้น่ะต่อยอีกสักทีก็คงไม่ตายหรอกมั้ง

      พูดบ้าอะไรห๊ะยูริ  ห่วงไม่ห่วงยังไงก็ต้องห้ามน่ะแหละ!”

       

      เธอพูดออกไปโดยไม่ทันคิด ที่จริงแล้วต้องพูดว่าห่วงสิ.....แต่ไม่รู้ทำไมไม่อยากให้เขาเข้าใจแบบนั้นเลย.....ทั้งๆที่ยุนอาก็รุ่นน้องคนสำคัญของเธอคนหนึ่ง รู้จักกันมาก็นมนาน หากในตอนนี้เธอกลับโล่งอกอย่างน่าประหลาดเมื่อคนที่เป็นฝ่ายโดนทำร้ายไม่ใช่ยูริ........เธอกำลังเป็นอะไรกันแน่นะ

       

      ใช่ฉันบ้า.......ฉันมันบ้าเอง

       

      เขาลุกขึ้นออกจากตัวยุนอาที่นอนกุมรอยฟกช้ำด้วยความเจ็บปวด

      ยูริหันมามองเจสสิก้าด้วยแววตาเศร้าศร้อย.....หากเธอไม่สนใจและมองข้ามมันไป ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เชื่อว่าคนแข็งกระด้างแบบนี้จะมีความรู้สึกกับคนอื่นๆด้วย

       

      ฮ่ะๆ ฉันมันบ้า....บ้า

       

      เจสสิก้ามองยูริอย่างไม่เข้าใจ ดูๆไปเขาก็คล้ายคนโรคจิตยังไงชอบกล เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวหน้าบึ้ง

       

      ถามหน่อยเหอะ ปกติเธออารมณ์ขึ้นๆลงแบบนี้ตลอดเลยรึงไง

       

      เขามองพื้นสักพัก ก่อนจะหันมาทางเธอพลางพูดในสิ่งที่เธอไม่อาจจะเข้าใจ

       

       

      เมื่อก่อนไม่....แต่ตอนนี้ใช่......ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ......ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ.....เจสสิก้า

       

      พูดจบยูริก็เดินออกไปไม่หันกลับมามองอีกเลย

      เจสสิก้ายืนข้างอยู่แบบนั้นโดยลืมไปเสียสนิทว่าห้องนี้ไม่ได้มีเธอแค่สองคน

       

      แค่กๆ....

       

      ยุนอาพยายามยันตัวเองขึ้นแต่เจสสิก้าที่ตื่นจากภวังค์แล้วรีบกุลีกุจอเข้ามาประคองคนเจ็บด้วยความรู้สึกผิดตะหงิดๆ

       

      .........

      ยุน.......พี่ขอโทษ.....แทนเขาด้วยนะ

      เหอะ.....

       

      ยุนอาหัวเราะแกนๆ ปรายมองเพียงชั่วครู่ ก่อจะชันตัวเองขึ้นอย่างทุกลักทุเล เจสสิก้ารีบจับไว้ทันทีที่เห็นว่ากำลังจะล้มลงไปแล้วแน่ๆ

       

      นี่! อย่าเพิ่งลุกเร็วๆสิยุน ยุนยังเจ็บอยู่นะ

       

      เจ็บ? ยุนน่ะเจ็บมาตั้งนานแล้วพี่สิก้ารู้บ้างรึเปล่า!! ทำไมไม่เป็นห่วงตอนที่ยุนตายแล้วซะเลยล่ะ!!!”

       

      ทำไมพูดอะไรอย่างนั้นน่ะยุน

       

      เธอพยายามจะจับแขนยุนอาเอาไว้ แต่เขากลับปัดมือนั้นทิ้งด้วยความฉุนเฉียว พร้อมตะโกนใส่หน้าเจสสิก้าด้วยความอัดอั้น

       

       

      ไม่ต้องมายุ่ง!! เชิญไปพลอดรักกับไอ้นั่นตามสบายเลย ไม่ต้องสนใจน้องเลวๆคนนี้หรอก! พี่รู้ไหม ยิ่งพี่ทำแบบนี้เท่าไหร่ ยุนยิ่งเจ็บ.....เมื่อไหร่พี่จะเลิกทำร้ายยุนสักที.....เมื่อไหร่จะเลิกทำร้ายคนที่รักพี่สักที!!”

       

      ยุนอาผลักเจสสิก้าลงไปกองกับพื้นก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งออกไปพร้อมกับน้ำตาที่กำลังไหลออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้ง.......

       

       

      .........100%..........

                

      …….ยัง....มันยังไม่จบ!! ช่วยรอภาคต่อด้วยเน้อ!! คราวนี้น้องซอถึงคราวปวดตับ!!


      http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=724422

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×